วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

วัดพระนอน (Wat Pra Norn)

วันนี้กลุ่มตะลอนนัดกันไปเที่ยววัดพระนอน วัดพระนอนเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงราย มีประวัติการสร้าง ความเป็นมาที่น่าสนใจมาก นอกจากนี้ในประวัติของวัดพระนอนเรายังได้รู้ประวัติความเป็นมาบางส่วนของวัดถ้ำพระอีกด้วย เสียดายที่ความจำของเราไม่ได้เยอะและแม่นเท่าคอมพิวเตอร์ ไม่งั้นเราคงจำมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านในเพจของเราเองแน่ๆ (ใครสนใจ หาอ่านประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้ก็ค้นได้จากท่านกู(เกิ้ล) นะคะ)


วัดพระนอนในวันนี้ หอจดหมายเหตุได้สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ในเรื่องพระไตรปิฎก ความรู้พระพุทธศาสนา ประวัติความเป็นมา ใครสนใจเรื่องนี้มาค้นคว้าหาข้อมูลที่นี่ได้


กลุ่มตะลอนเข้าไปกราบไหว้พระในอุโบสถใหญ่ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงมากราบไหว้พระนอน (พระปางไสยยาสน์) ที่มีพระวรกายขนาดใหญ่มากกกกก ตามประวัติได้ขุดพบเจอ ณ บริเวณวัดนี้ และต่อมาได้บูรณะซ่อมแซมจนเป็นองค์ที่เห็นในปัจจุบัน วันที่เรามาเป็นวันอาทิตย์ คนจึงบางตา ไม่หนาแน่นเท่าวันธรรมดา เรียกได้ว่ากำลังสบายๆ สำหรับเรา ข้างนอกอากาศจะร้อนยังไง แต่พอเราเดินเข้าไปในพระวิหาร อุโบสถ แม้แต่ศาลาวัด แล้วเราจะเจอแต่ความร่มเย็น วัดทุกวัดเป็นแบบนี้ เค้าถึงบอกว่าวัดเป็นที่พึ่งให้เย็นใจ ใครมีปัญหาเดือดร้อนในยังไง พอเข้าวัดก็จะพบเจอแต่ความร่มเย็น หากเปรียบวัดเป็นคน ข้างนอกจะร้อนยังไง พบเจอปัญหาที่เดือดร้อน หากข้างในเราไม่ร้อนตามก็จะมีแต่ความเย็นนั่นเอง เรื่องบางเรื่องอย่าให้ความร้อนข้างงนอกมามีอิทธิพลกับอุณหภูมิภายใน แค่นี้เราก็มีแต่เรื่องเย็นๆ ที่ทำให้เราสบายใจ ไม่ทุกข์ร้อนใจแล้ว



วัดพระนอนตั้งอยู่บนถนนหนองบัว ใกล้กับโรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว หาไม่ยากค่ะ เพราะถนนหนองบัวเป็นแหล่งขึ้นชื่อในเรื่องหาอาหาร โดยเฉพาะน้ำเงี้ยวที่อร่อยที่สุดจ้า....

เขียนโดย ปัจจัตตัง

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

วัดฝั่งหมิ่น (Wat Fang Min)

นานหลายวันแล้วไม่ได้ไปเที่ยววัด วันนี้เลยชักชวนกันไปเที่ยววัดกันซะหน่อย

วัดฝั่งหมิ่นเป็นวัดที่ผู้เขียนไปมาแล้วหลายครั้ง เพราะคณะญาติเป็นศรัทธาวัดนี้ เลยได้รู้จักตั้งแต่เด็กๆ แต่เมื่อก่อนยังไม่ค่อยสนใจเรื่องวัดเท่าไหร่ เลยได้แค่มาวิ่งเล่นไปวิ่งเล่นมา มาครั้งนี้เลยเหมือนได้มาวัดนี้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก

บริเวณวัดเงียบสงบ อุโบสถปิด เราเลยเดินชมรอบๆ เริ่มจากอาคารหลังเล็กข้างอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป หลังอุโบสถเป็นพระธาตุ มีพระประจำวันเกิดอยู่ 4 ทิศ



หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วพวกเราก็จะเดินทางกลับ แต่รู้สึกเหมือนยังขาดบางสิ่งบางอย่าง แล้วบังเอิญเหลือบไปเห็นแผนที่วัด เลยเดินไปดูเผื่อว่าเราจะตกหล่นอะไรตรงไหน เลยพบว่านอกจากบริเวณในวัดแล้ว ที่ติดๆ กันนี้ยังเป็นโรงเรียนสอนพุทธศาสนาให้แก่พระและเณรอีกด้วย และมีโรงแกะสลักหยกอยู่ในมุมมืด ช่างฝีมือแกะสลักเป็นคนจีนที่พูดไทยได้ไม่กี่คำ การคุยกันเลยเป็นภาษาท่าทางซะมากกว่า ฝีมือของช่างถือว่ามีฝีมือมาก งานพุทธศิลป์ที่ออกมาจึงดูงดงาม อ่อนช้อย เดินเลยจากโรงแกะสลักไปจะพบกับศาลาพระแม่กวนอิม ศาลาพ่อปู่ฤาษี เจดีย์ประจำวันเกิด และพระธาตุเก่าแก่

หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับ


วัดฝั่งหมิ่นอยู่บริเวณในตัวอำเภอเมือง หากใครอยากเยี่ยมชมก็เชิญได้เลย เดินทางจากห้าแยกพ่อขุนเม็งรายมุ่งหน้าไปทางแม่สาย ข้ามสะพานแม่น้ำกก เลี้ยวขวาตรงแยกไฟแดงที่ 2 ไปไม่ไกลก็จะเจอป้ายวัดฝั่งหมิ่นเอง

ลองไปวัดเวลาที่ไม่มีความทุกข์ดูบ้าง เราจะได้มีความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งเลย

เขียนโดย มัชฌิมา