วัดพระธาตุพลูทอง
จัดเป็นวัดสาขาของวัดป่าปฐมพุทธาราม เพราะมีหลวงพ่อสมบูรณ์ เป็นผู้ดูแลวัดทั้งสองวัดเลย
ทางไปวัดป่าปฐมฯ เราว่ายากแล้ว มาเจอทางไปวัดพระธาตุพลูทองยากกว่าอีก
ทั้งตรอก ซอก ซอย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนขับ
ต้องยกความดีให้คนขับที่ใจดี ใจเย็น พาพวกเรา กลุ่มตะลอน มาถึงที่หมายได้สำเร็จ
ทางเข้าวัดเป็นเนินที่สูงใช้ได้เลย รถไม่มีแรง รถเก่า แนะนำให้จอดอยู่ข้างล่าง แล้วเดินเท้าขึ้นไป
พื้นที่ของวัดไม่กว้างเมื่อเทียบกับวัดอื่นๆ เพราะพื้นที่เป็นเนินเขา จึงมีพื่นที่จำกัดในการสร้าง
ไม่มีอุโบสถ แต่มีศาลาการเปรียญมุงสังกะสี มีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ให้ชาวบ้านและคณะศรัทธาที่มาเที่ยวชมได้กราบไหว้
พระพุทธรูป การจัดเรียง ก็คล้ายๆ กับวัดป่าปฐมฯ
ตรงกลางเนินเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุ ข้างในพระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุ นานกว่าร้อยปี
หลังจากที่หลวงพ่อสมบูรณ์ท่านได้มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์พระอาจารย์ไมตรี ให้มาเป็นผู้ดูแลวัดแทน ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ กลุ่มตะลอนได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับท่าน และได้ความรู้ในเรื่องการนั่งวิปัสนากรรมฐานกลับไปปฏิบัติอีกด้วย เวลาท่านสอน ท่านเทศน์ ถ้าลองหลับตา เรานึกว่าท่าน ว.วชิระเมธีมาด้วยนะนั่น เพราะเสียง และวิธีการพูดท่านคล้ายมาก
ปัจจุบันทางวัดกำลังก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมเพิ่มเติม เช่น ในส่วนของที่พัก ก็สร้างโรงนอนให้แยกหญิงแยกชาย กำลังเร่งก่อสร้างโรงทาน ปรับปรุงห้องน้ำ เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่สนใจ ที่จะมาปฏิบัติธรรมที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศโดยรอบเย็นสบายเพราะมีลมพัดตลอดเวลา กลางคืนจะเงียบมากกกก ( แอบถามผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในวันนั้น )
กลุ่มตะลอนได้คุยกันว่า ถ้าหากวันใดวันนึงอยากจะปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐาน วัดพระธาตุพลูทองจะเป็นวัดแห่งหนึ่งที่กลุ่มของเราจะมานั่งปฏิบัติธรรมร่วมกับพระอาจารย์ไมตรีแน่ๆ
ท้ายสุด... ถ้าได้มีโอกาสเยี่ยมชมวัดพี่ (วัดป่าปฐมพุทธาราม) อย่าลืม มาเที่ยวชมวัดน้อง (วัดพระธาตุพลูทอง) ด้วยนะคะ เพราะสถานที่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ แค่สุดปลายซ้ายกับสุดปลายขวาของถนนก้อเท่านั้นเอง
เขียนโดย ปัจจัตตัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น