เรากับเพื่อนไปวัดถ้ำพระหลังจากที่ฝนหยุดตกในช่วงเช้า ภายในบริเวณวัดเงียบมาก พื้นดินแฉะเต็มไปด้วยแอ่งน้ำ เศษใบไม้ สงสัยที่นี่นอกจากจะเจอฝนแล้วอาจจะมีลมด้วยก้อได้ เราเดินสำรวจรอบๆ ก้อพบว่าทางเดินที่จะอ้อมไปหลังถ้ำได้มีต้นไม้ใหญ่หักโค่นปิดถนนอยู่ทำให้ผ่านไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนพากันขึ้นไปในถ้ำเลย
ภาพแรกที่เห็นคือ ถังน้ำสีเหลือง (ถังสังฆทาน) วางรองน้ำที่ตกลงในถ้ำอยู่รอบๆ ถ้ำเรียกว่า หลายจุดมาก ภายในถ้ำยังคงปรากฏร่องรอยการไหม้ (เมื่อสองปีก่อนภายในถ้ำถูกไฟไหม้ ทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร ลองค้นหาเปรียบเทียบดูภาพวัดถ้ำพระก่อนและหลังไฟไหม้จากอินเตอร์เน็ตดูได้)
พระพุทธรูปหลายๆ องค์ยังคงประดิษฐานอยู่เช่นเดิม ถึงแม้จะมีเขม่าควัน และบางองค์ก็ไหม้ไปบางส่วนบ้างแต่ความสวย ความงดงามตามแบบฉบับ รวมถึงความศักดิ์สิทธิ์ก้อยังคงอยู่
สิ่งที่ควบคู่กับถ้ำคือ มูลค้างคาวและกลิ่น เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราและเพื่อนๆ อยู่ได้ไม่นานทั้งๆ ที่ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้เข้าไปสักการะ ก่อนกลับลงมาได้ถวายปัจจัยจำนวนหนึ่งให้แก่วัด พระที่จำพรรษาอยู่ที่นั่นบอกว่า ยังต้องการปัจจัยอีกมากเพื่อที่จะบูรณะวัดถ้ำพระให้กลับมาใกล้เคียงเหมือนเดิม เสียดายที่การมาเที่ยวชมวัดในครั้งนี้มีอุปสรรคในเรื่อง ฟ้าฝน ทำให้ไม่สามารถไปอีกหลายๆ แห่งที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำฤาษีที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความลี้ลับ พระพุทธรูปขาวที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่ภายในถ้ำแต่ก้อได้คติธรรมมากมาย ทุกอย่างอาจสัมผัสได้ด้วยตา แต่บางสิ่งแค่ใช้ใจสัมผัสความสวยงามก้อยังคงอยู่ .....
เขียนโดย ปัจจัตตัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น