วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วัดพระโบราณ (Wat Pra Bo Raan)

หลังจากห่างหายการไปวัดนานหลายเดือน วันนี้ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางตะลอนวัดกันอีกรอบ

มาคราวนี้ก็เลยพาไปเที่ยววัดที่ไกลจากตัวเมืองซะหน่อย ตอนแรกก็ไม่รู้จะไปวัดไหน เลยขับรถไปเรื่อยๆ ออกจากห้าแยกเชียงราย มุ่งหน้าตรงไปทางอำเภอเวียงชัย ระหว่างทางขับรถไปก็คิดว่าน่าจะเจอวัดอะไรซักวัดนึงแน่นอน แล้วก็เจอป้ายบอกทางไปวัดจนได้ ชื่อวัดพระโบราณ เป็นป้ายสถานที่ท่องเที่ยวซะด้วยสิ เลยขับรถตามป้ายไปเลย ระหว่างทางเราก็ได้เจอทุ่งข้าวเขียวขจี สวยงามมาก อดที่จะจอดรถเพื่อลงไปเดินชมไม่ได้ เดินไปบนคันนาพร้อมสูดกลิ่นยอดข้าวหอมอ่อนๆ ช่างมีความสุขมากมาย


หลังจากที่แวะรับอากาศบริสุทธิ์จากทุ่งนาแสนสวยแล้ว เราก็ออกเดินทางตามหาป้ายไปวัดพระโบราณอีก ขับไปไกลพอสมควร ระหว่างทางหาป้ายไม่เจอบ้าง เลยจอดแวะถามข้างทางเอา โบราณท่านว่าไว้ "หนทางอยู่ที่ปาก" อันนี้เป็นเรื่องจริงทุกยุคทุกสมัย

ขับไปจนเจอวัด จอดรถไว้ด้านหน้าอุโบสถ เข้าไปสักการะพระโบราณที่โบราณจริงๆ เพราะภายในอุโบสถจะมีส่วนของกำแพงอิฐที่ดูแล้วไม่รู้ว่ามีอายุมากี่ปีแล้ว (ตอนนั้นก็อ่านประวัติอยู่แต่จำไม่ได้แล้ว ถ้าอยากทราบประวัติน่าจะหาอ่านได้จากเว็บทั่วๆ ไป) ตอนที่เดินเข้าไปนั้นเหมือนกับหลุดไปอยู่ในอีกยุคหนึ่งเลยทีเดียว ในอุโบสถนั้นเค้าไม่อนุญาตให้จุดธูป แต่จะมีพระจำลองที่ประดิษฐานอยู่ด้านนอกเพื่อให้ประชาชนได้จุดธูปสักการะ หลังจากที่


ได้ชมวัดจนรู้สึกอิ่มใจแล้ว ก็เดินทางต่อเพื่อไปวัดอื่นต่อไป

เขียนโดย มัชฌิมา

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

วัดพระนอน (Wat Pra Norn)

วันนี้กลุ่มตะลอนนัดกันไปเที่ยววัดพระนอน วัดพระนอนเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงราย มีประวัติการสร้าง ความเป็นมาที่น่าสนใจมาก นอกจากนี้ในประวัติของวัดพระนอนเรายังได้รู้ประวัติความเป็นมาบางส่วนของวัดถ้ำพระอีกด้วย เสียดายที่ความจำของเราไม่ได้เยอะและแม่นเท่าคอมพิวเตอร์ ไม่งั้นเราคงจำมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านในเพจของเราเองแน่ๆ (ใครสนใจ หาอ่านประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้ก็ค้นได้จากท่านกู(เกิ้ล) นะคะ)


วัดพระนอนในวันนี้ หอจดหมายเหตุได้สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ในเรื่องพระไตรปิฎก ความรู้พระพุทธศาสนา ประวัติความเป็นมา ใครสนใจเรื่องนี้มาค้นคว้าหาข้อมูลที่นี่ได้


กลุ่มตะลอนเข้าไปกราบไหว้พระในอุโบสถใหญ่ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงมากราบไหว้พระนอน (พระปางไสยยาสน์) ที่มีพระวรกายขนาดใหญ่มากกกกก ตามประวัติได้ขุดพบเจอ ณ บริเวณวัดนี้ และต่อมาได้บูรณะซ่อมแซมจนเป็นองค์ที่เห็นในปัจจุบัน วันที่เรามาเป็นวันอาทิตย์ คนจึงบางตา ไม่หนาแน่นเท่าวันธรรมดา เรียกได้ว่ากำลังสบายๆ สำหรับเรา ข้างนอกอากาศจะร้อนยังไง แต่พอเราเดินเข้าไปในพระวิหาร อุโบสถ แม้แต่ศาลาวัด แล้วเราจะเจอแต่ความร่มเย็น วัดทุกวัดเป็นแบบนี้ เค้าถึงบอกว่าวัดเป็นที่พึ่งให้เย็นใจ ใครมีปัญหาเดือดร้อนในยังไง พอเข้าวัดก็จะพบเจอแต่ความร่มเย็น หากเปรียบวัดเป็นคน ข้างนอกจะร้อนยังไง พบเจอปัญหาที่เดือดร้อน หากข้างในเราไม่ร้อนตามก็จะมีแต่ความเย็นนั่นเอง เรื่องบางเรื่องอย่าให้ความร้อนข้างงนอกมามีอิทธิพลกับอุณหภูมิภายใน แค่นี้เราก็มีแต่เรื่องเย็นๆ ที่ทำให้เราสบายใจ ไม่ทุกข์ร้อนใจแล้ว



วัดพระนอนตั้งอยู่บนถนนหนองบัว ใกล้กับโรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว หาไม่ยากค่ะ เพราะถนนหนองบัวเป็นแหล่งขึ้นชื่อในเรื่องหาอาหาร โดยเฉพาะน้ำเงี้ยวที่อร่อยที่สุดจ้า....

เขียนโดย ปัจจัตตัง

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

วัดฝั่งหมิ่น (Wat Fang Min)

นานหลายวันแล้วไม่ได้ไปเที่ยววัด วันนี้เลยชักชวนกันไปเที่ยววัดกันซะหน่อย

วัดฝั่งหมิ่นเป็นวัดที่ผู้เขียนไปมาแล้วหลายครั้ง เพราะคณะญาติเป็นศรัทธาวัดนี้ เลยได้รู้จักตั้งแต่เด็กๆ แต่เมื่อก่อนยังไม่ค่อยสนใจเรื่องวัดเท่าไหร่ เลยได้แค่มาวิ่งเล่นไปวิ่งเล่นมา มาครั้งนี้เลยเหมือนได้มาวัดนี้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก

บริเวณวัดเงียบสงบ อุโบสถปิด เราเลยเดินชมรอบๆ เริ่มจากอาคารหลังเล็กข้างอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป หลังอุโบสถเป็นพระธาตุ มีพระประจำวันเกิดอยู่ 4 ทิศ



หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วพวกเราก็จะเดินทางกลับ แต่รู้สึกเหมือนยังขาดบางสิ่งบางอย่าง แล้วบังเอิญเหลือบไปเห็นแผนที่วัด เลยเดินไปดูเผื่อว่าเราจะตกหล่นอะไรตรงไหน เลยพบว่านอกจากบริเวณในวัดแล้ว ที่ติดๆ กันนี้ยังเป็นโรงเรียนสอนพุทธศาสนาให้แก่พระและเณรอีกด้วย และมีโรงแกะสลักหยกอยู่ในมุมมืด ช่างฝีมือแกะสลักเป็นคนจีนที่พูดไทยได้ไม่กี่คำ การคุยกันเลยเป็นภาษาท่าทางซะมากกว่า ฝีมือของช่างถือว่ามีฝีมือมาก งานพุทธศิลป์ที่ออกมาจึงดูงดงาม อ่อนช้อย เดินเลยจากโรงแกะสลักไปจะพบกับศาลาพระแม่กวนอิม ศาลาพ่อปู่ฤาษี เจดีย์ประจำวันเกิด และพระธาตุเก่าแก่

หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับ


วัดฝั่งหมิ่นอยู่บริเวณในตัวอำเภอเมือง หากใครอยากเยี่ยมชมก็เชิญได้เลย เดินทางจากห้าแยกพ่อขุนเม็งรายมุ่งหน้าไปทางแม่สาย ข้ามสะพานแม่น้ำกก เลี้ยวขวาตรงแยกไฟแดงที่ 2 ไปไม่ไกลก็จะเจอป้ายวัดฝั่งหมิ่นเอง

ลองไปวัดเวลาที่ไม่มีความทุกข์ดูบ้าง เราจะได้มีความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งเลย

เขียนโดย มัชฌิมา

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดถ้ำพระ (Wat Tam Pra)

เรากับเพื่อนไปวัดถ้ำพระหลังจากที่ฝนหยุดตกในช่วงเช้า ภายในบริเวณวัดเงียบมาก พื้นดินแฉะเต็มไปด้วยแอ่งน้ำ เศษใบไม้ สงสัยที่นี่นอกจากจะเจอฝนแล้วอาจจะมีลมด้วยก้อได้ เราเดินสำรวจรอบๆ ก้อพบว่าทางเดินที่จะอ้อมไปหลังถ้ำได้มีต้นไม้ใหญ่หักโค่นปิดถนนอยู่ทำให้ผ่านไปไม่ได้  ต้องเปลี่ยนพากันขึ้นไปในถ้ำเลย


ภาพแรกที่เห็นคือ ถังน้ำสีเหลือง (ถังสังฆทาน) วางรองน้ำที่ตกลงในถ้ำอยู่รอบๆ ถ้ำเรียกว่า หลายจุดมาก ภายในถ้ำยังคงปรากฏร่องรอยการไหม้ (เมื่อสองปีก่อนภายในถ้ำถูกไฟไหม้ ทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร ลองค้นหาเปรียบเทียบดูภาพวัดถ้ำพระก่อนและหลังไฟไหม้จากอินเตอร์เน็ตดูได้)


พระพุทธรูปหลายๆ องค์ยังคงประดิษฐานอยู่เช่นเดิม ถึงแม้จะมีเขม่าควัน และบางองค์ก็ไหม้ไปบางส่วนบ้างแต่ความสวย ความงดงามตามแบบฉบับ รวมถึงความศักดิ์สิทธิ์ก้อยังคงอยู่


สิ่งที่ควบคู่กับถ้ำคือ มูลค้างคาวและกลิ่น เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราและเพื่อนๆ อยู่ได้ไม่นานทั้งๆ ที่ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้เข้าไปสักการะ ก่อนกลับลงมาได้ถวายปัจจัยจำนวนหนึ่งให้แก่วัด พระที่จำพรรษาอยู่ที่นั่นบอกว่า ยังต้องการปัจจัยอีกมากเพื่อที่จะบูรณะวัดถ้ำพระให้กลับมาใกล้เคียงเหมือนเดิม  เสียดายที่การมาเที่ยวชมวัดในครั้งนี้มีอุปสรรคในเรื่อง ฟ้าฝน ทำให้ไม่สามารถไปอีกหลายๆ แห่งที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำฤาษีที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความลี้ลับ พระพุทธรูปขาวที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำ  ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่ภายในถ้ำแต่ก้อได้คติธรรมมากมาย ทุกอย่างอาจสัมผัสได้ด้วยตา แต่บางสิ่งแค่ใช้ใจสัมผัสความสวยงามก้อยังคงอยู่  .....

เขียนโดย ปัจจัตตัง

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดพระธาตุจอมสัก (Wat Pra Tart Jorm Sak)

วัดพระธาตุจอมสัก

บ่ายวันจันทร์ มีใจอยากจะไปเที่ยววัด เลยขับรถไปเรื่อยๆ ก็เจอป้ายวัดพระธาตุจอมสัก ซึ่งวัดนี้เป็น 1 ในวัด 9 จอมที่มีชื่อของจังหวัดเชียงราย วัดนี้อยู่ในเขตอำเภอเมือง มุ่งหน้าจากในเมืองไปทางสนามบินเชียงราย ก่อนถึงสนามบินจะมีป้ายบอกทางเข้าวัดอยู่ด้านซ้ายมือ พอเจอป้ายแล้วเราก็ขับเลี้ยวเข้าไปทันทีเลย เข้าไปประมาณ 15 นาทีก็เริ่มเห็นบันไดพญานาค เราขับรถอ้อมไปจอดทางด้านข้างของตัววัด


มาถึงแล้วเราก็มุ่งตรงไปไหว้พระประธานในอุโบสถก่อนเลย ในอุโบสถมีความร่มเย็น เลยไม่แปลกใจเลยที่พอใครมีความทุกข์ก็จะนึกถึงวัดเป็นที่แรก เป็นเพราะความร่มเย็นนี่เองที่ช่วยให้คลายทุกข์ได้ อีกอย่างคือเมื่อเราได้เข้าวัด จิตใจเราจะสงบและทำให้เกิดสติที่จะพิจารณาตรึกตรองถึงต้นเหตุแห่งทุกข์ และหาทางที่จะดับทุกข์นั้น


หลังจากที่สนทนาธรรมกับท่านเจ้าอาวาส เราก็กราบลาเพื่อเดินชมรอบๆ บริเวณวัด

แวะสักการะพระธาตุกันสักครู่ แล้วก็เดินทางกลับ


เขียนโดย มัชฌิมา

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดพระธาตุพลูทอง (Wat Pra Tart Plu Tong)

วัดพระธาตุพลูทอง

จัดเป็นวัดสาขาของวัดป่าปฐมพุทธาราม เพราะมีหลวงพ่อสมบูรณ์ เป็นผู้ดูแลวัดทั้งสองวัดเลย
ทางไปวัดป่าปฐมฯ เราว่ายากแล้ว มาเจอทางไปวัดพระธาตุพลูทองยากกว่าอีก
ทั้งตรอก ซอก ซอย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนขับ
ต้องยกความดีให้คนขับที่ใจดี ใจเย็น พาพวกเรา กลุ่มตะลอน มาถึงที่หมายได้สำเร็จ

ทางเข้าวัดเป็นเนินที่สูงใช้ได้เลย รถไม่มีแรง รถเก่า แนะนำให้จอดอยู่ข้างล่าง แล้วเดินเท้าขึ้นไป

พื้นที่ของวัดไม่กว้างเมื่อเทียบกับวัดอื่นๆ เพราะพื้นที่เป็นเนินเขา จึงมีพื่นที่จำกัดในการสร้าง
ไม่มีอุโบสถ แต่มีศาลาการเปรียญมุงสังกะสี มีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ให้ชาวบ้านและคณะศรัทธาที่มาเที่ยวชมได้กราบไหว้



พระพุทธรูป การจัดเรียง ก็คล้ายๆ กับวัดป่าปฐมฯ




ตรงกลางเนินเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุ ข้างในพระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุ นานกว่าร้อยปี



หลังจากที่หลวงพ่อสมบูรณ์ท่านได้มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์พระอาจารย์ไมตรี ให้มาเป็นผู้ดูแลวัดแทน ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ กลุ่มตะลอนได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับท่าน และได้ความรู้ในเรื่องการนั่งวิปัสนากรรมฐานกลับไปปฏิบัติอีกด้วย เวลาท่านสอน ท่านเทศน์ ถ้าลองหลับตา เรานึกว่าท่าน ว.วชิระเมธีมาด้วยนะนั่น เพราะเสียง และวิธีการพูดท่านคล้ายมาก

ปัจจุบันทางวัดกำลังก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมเพิ่มเติม เช่น ในส่วนของที่พัก ก็สร้างโรงนอนให้แยกหญิงแยกชาย  กำลังเร่งก่อสร้างโรงทาน ปรับปรุงห้องน้ำ เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่สนใจ ที่จะมาปฏิบัติธรรมที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศโดยรอบเย็นสบายเพราะมีลมพัดตลอดเวลา กลางคืนจะเงียบมากกกก ( แอบถามผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในวันนั้น )

กลุ่มตะลอนได้คุยกันว่า ถ้าหากวันใดวันนึงอยากจะปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐาน วัดพระธาตุพลูทองจะเป็นวัดแห่งหนึ่งที่กลุ่มของเราจะมานั่งปฏิบัติธรรมร่วมกับพระอาจารย์ไมตรีแน่ๆ



ท้ายสุด... ถ้าได้มีโอกาสเยี่ยมชมวัดพี่ (วัดป่าปฐมพุทธาราม) อย่าลืม มาเที่ยวชมวัดน้อง (วัดพระธาตุพลูทอง) ด้วยนะคะ เพราะสถานที่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ แค่สุดปลายซ้ายกับสุดปลายขวาของถนนก้อเท่านั้นเอง

เขียนโดย ปัจจัตตัง

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดดอยเขาควาย (Wat Doi Kao Kwai)

วันนี้เราจะพาทุกคนไปตามล่าหาความจริงกัน ณ วัดดอยเขาควายจ้า วัดอยู่ตรงใกล้ๆ กับสนามบินเก่า แถวนั้นเค้าเรียกว่าบ้านดอยเขาควาย ที่อยากมาเที่ยววัดนี้เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของแมง 4 หู 5 ตามานานแว้ววว อยากจะไปดูให้เห็นกับตาสักทีว่าเจ้าแมงที่ว่านี้ หน้าตาเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลยจ้า
ก่อนไปถึงคณะทัวร์ก็จินตนาการถึงแมง 4 หู 5 ตาที่ว่านี้จะเป็นยังไง ตัวเล็กๆ หรือใหญ่ๆ หรือแบบไหน ต่างคนต่างจินตนาการกันไปต่างๆ นานา (แล้วคุณหละคิดว่ามันมีลักษณะอย่างไร ลองทายกันดู)

Do you know "Mang see-hoo-ha-ta" (4 ears and 5 eyes animal) ?
People said it is stay at Wat Doi Kao Kwai, temple near the old airport in Chiang Rai.

เล้นทางก่อนถึงตัววัดก็เป็นเนินเขาสูงชัน สองข้างทางล้วนแล้วแต่เป็นป่ามีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นเรียงสลับกันไปตลอดระยะทาง เหมาะสำหรับท่านที่ชอบใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งนัก พอขึ้นไปถึงบนวัดสายตาของเราทุกคนก็ถูกสะกดด้วยแสงระยิบระยับจากพระธาตุที่ประดับล้อมรอบด้วยกระจกเล็กๆ สีต่างๆ ที่ต้องกับแสงอาทิตย์สะท้อนมากระทบกับสายตาของเรา สวยงามยิ่งนัก

When we arrive this temple we saw Pra-tart, it's very beautiful.


พระธาตุ

พอจอดรถเสร็จ เราก็มุ่งตรงไปยังพระอุโบสถเพื่อกราบพระประทาน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระมีการประกอบพิธีทางศาสนาในอุโบสถ ก็เลยไม่ได้เข้าไปกราบพระในนั้น เสียดายยิ่งนัก เราได้แต่เพียงเดินชมบริเวณรอบนอก ซึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่มากมาย อาทิเช่น รูปปั้นเกจิอาจารย์หลายท่าน รูปปั้นองค์พระแม่กวนอิม พระสีวลี พระพิฆเณศวร์ พระสังกัจจาย เอาเป็นว่ามาวัดเดียวแล้วคุ้มเพราะได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายพระองค์

We did not get in temple because this day is buddhist holy day so in the temple has activities. We just look around the temple. We see many holy thing statue such as "The goddess of compassion and mercy" "Ganesha" and etc. 


สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด


เอ๊ะๆ เราลืมอะไรกันไปรึเปล่า จำกันได้มั้ยเอ่ยว่าเราจะมาดูอะไรกัน ใช่เลย ก็เจ้าแมง 4 หู 5 ตาไง เราพยายามมองดูรอบๆ วัด ตรงไหนก็ไม่มี จนมาถึงด้านหลังพระธาตุ และแล้วเราก็เจอ แมง 4 หู 5 ตาที่เค้าเล่าลือกัน ลองทายดูสิว่าแมงนี้หน้าตาเป็นอย่างไร แท่น แทน แท๊นนนนน เราไม่ได้เห็นตัวจริงหรอกค่ะ เราเห็นเพียงแต่รูปปั้นที่เค้าปั้นไว้เท่านั้น ซึ่งมีลักษณะยังไงบอกไม่ถูก ดูตามรูปเลยค่ะ แมงนี้ปั้นไว้เพื่อให้คนมากราบไหว้เพื่อขอพร ไม่รู้ว่าชอบโค้กเป็นพิเศษหรือเปล่าเห็นมีแต่โค้กวางอยู่ด้านหน้า สรุปว่าที่เราจินตนาการกันมาไม่มีใครใกล้เคียงสักคน แล้วคุณหละพอจะใกล้เคียงบ้างมั้ย


 แมง 4 หู 5 ตา (Mang See-Hoo-Ha-Ta)

ภารกิจในวันนี้ก็เสร็จสิ้นด้วยดี ได้ทั้งไหว้ทำบุญ ได้ทั้งไขข้อสงสัย ได้ทั้งเที่ยว ได้ทั้งความรู้เรื่องการขายข้าว อ๊ะ งงใช่มั้ยล่ะ ว่าเรื่องข้าวเนี่ยมายังไง ก็ในระหว่างที่เราเดินชมวัดอยู่ เราก็ได้พบกัลยาณมิตรท่านนึง ซึ่งได้เดินทางมาเปิดบู๊ทขายข้าวในงานที่สนามบินเก่า แล้วได้เดินทางมาเที่ยวบนวัดเหมือนกัน ก็เลยได้มีโอกาสคุยกันเกี่ยวกับเรื่องข้าว ทำให้รู้ว่าข้าวที่ปลูกแต่ละที่รสชาติมันไม่เหมือนกันเลย

ชมวิวในตัวเมืองเชียงราย จากจุดชมวิว

เขียนโดย สุขิโต

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดขัวแคร่ (Wat Kua Krae)

และแล้วการทัวร์บุญก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่  6 สิงหาคม 2555

Start traveling temple again on 6 August 2012

ครั้งนี้ไปกันหลายวัดกันเลยทีเดียว มีทั้งวัดไทย จีน และพราห์ม-ฮินดู หนึ่งในนั้นเป็นวัดไทยแห่งหนึ่ง ที่เรามักจะขับรถผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปภายในวัดเลย วัดแห่งนี้อยู่ใกล้ๆ แยกสนามบินเชียงราย ภายนอกอาจจะดูเป็นวัดเล็กๆ พื้นที่แคบๆ เหมือนวัดทั่วไป แต่ไม่ใช่อย่างที่เราเห็นเลย ความอลังการเริ่มต้นตั้งแต่หน้าอุโบสถ ที่มีพญานาคขนาด 2 คนโอบ สวยเด่นเป็นสง่า คนผ่านไปผ่านมาต้องหันมามองแทบทุกคน ความอลังการของพญานาคทั้งสองนี้ทำให้สัมผัสถึงพลังของบุญ บารมี และศรัทธาที่เปี่ยมล้น

This day we travel to many temple in 1 day include Thai temple, Chinese Temple and Hindu temple. Wat Kua Krae is Thai temple, place near Chiang Rai International Airport junction. We just pass this temple very often but never visit this temple before. When we saw outside this temple it is different from other temple especially Naga at the front door. They are very huge and very beautiful Nagas that I ever seen.



 เมื่อก้าวเท้าเข้าไปภายในพระอุโบสถ ทุกคนถึงกับยืนนิ่ง อ้าปากค้าง ราวกับถูกสะกดจิต เพราะความงดงามของพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใญ่เทียบเท่าตึกสามชั้น สีขาวบริสุทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่เบื้องหน้า ผนวกกับความงดงามของเสาไม้สีแดงขาดใหญ่เท่าสองคนโอบที่ตกแต่งด้วยทองคำเปลวลวดลายต่างๆ มองแล้วสวยงามยิ่งนัก

When we get in to temple, we see big white and wonderful image of Buddha.






 นอกจากนี้ยังมีประพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ประดิษฐานล้อมรอบพระอุโบสถหลังนี้

Outside temple has many image of buddha dress king suite.



และยังมีพระธาตุเก่าแก่อยู่ทางด้านหลังพระอุโบสถด้วย
ถ้ามองด้วยสายตาวัดนี้อาจเป็นเพียงวัดเล็กๆ แต่ถ้าได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วคุณจะรู้สึกถึงความงดงาม อลังการที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวที่จะอยู่ในความทรงจำของคุณอย่างไม่มีวันลบเลือน......

At the back of temple has Buddha's relics.

This temple will stay in our memory forever....


เขียนโดย สุขิโต

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดป่าปฐมพุทธาราม (Wat Pratom Buddha Ram)

เข้าพรรษาที่วัดปฐมพุทธาราม

Beginning of buddhist lent at Wat Pratom Bhuddha Ram

ตอนสายของวันที่ 3 สิงหาคม เราและเพื่อนๆ ในที่นี้ขอเรียกชื่อกลุ่มนี้ว่า "กลุ่มตะลอน" ได้นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูปเทียน พร้อมปัจจัยเล็กๆน้อยๆ ที่รวบรวมได้ไปถวายวัดป่าปฐมพุทธาราม ที่ตั้งอยู่บริเวณหลังหมู่บ้านป่าซางวิวัฒน์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางชาวบ้านในหมู่บ้านที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นส่วนใหญ่ อาจจะเพราะด้วยเหตุนี้กระมัง วัดจึงอยู่ไกลจากชุมชนค่อนข้างมาก เรียกได้ว่า ใจไม่มั่นคง คงไม่ได้ไปถึงวัดแน่ๆ

On 3 August 2012, (beginning of buddhist lent day) we (in the name of "Ta-Lon" Group) went to Wat Pratom Buddha Ram offer big candle, flowers, joss stick and some things that can be benefit for monk at that place. This temple place after Pa Sang Wiwat Village, Chiang Rai, Thailand. Almost people in this village are christian.

Wat Pratom Buddha Ram

In the front of Temple

เมื่อเข้าวัดไปแล้วจะพบกับ ความกว้างขวางของพื้นที่  ความร่มรื่นของต้นไม้ที่ปลูกเรียงไว้เป็นจำนวนมาก  ความสวยงามของพระพุทธรูปองค์ใหญ่รายล้อมด้วยพระพุทธรุปองค์เล็กๆจำนวนถึง 43 องค์ แต่ที่ยิ่งประหลาดใจมากกว่า คือ มีพระจำพรรษาที่วัดนี้เพียงแค่รุปเดียวเท่านั้น ท่านดูแลวัดเอง ทำความสะอาดเอง ตัดต้นหญ้าที่รกด้วยตนเองอีกด้วย  พื้นที่กว้างขวาง สะอาดอย่างนี้เพราะพระเพียงรูปเดียว ท่านบอกว่า ค่อยๆทำ เดี๋ยวก้อเสร็จ ก็จริงของท่าน งานทุกๆอย่างถ้าเราค่อยๆทำ และทำทุกๆวัน วันใดวันหนึ่งก็เสร็จ ได้ธรรมะจากสิ่งรอบๆตัวนี้ดีใจเลย ^^ หลังจากที่ได้ทำการถวายเทียนพรรษา ถวายปัจจัย รับศีล รับพร แล้ว เราได้รู้ข้อมูลจากหลวงพ่อที่จำวัดว่า เดิมทีชื่อเสียงของวัดเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนที่ชอบปฏิบัติธรรม ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน มีคณะศรัทธาจำนวนมาก ที่อยู่ต่างประเทศ แต่ต่อมาเมื่อเจ้าอาวาสคนปัจจุบันได้มรณะภาพลง คณะศรัทธาที่มีอยู่ก็เริ่มลดน้อยลง  งานนิมนต์ไม่มี พระที่เคยจำวัดอยู่หลายรูปก็ลาออกไปจำวัดที่แห่งใหม่ บ้างก็ขอลาสึกกลับบ้าน ทำให้วัดขาดการดูแลอย่างเต็มที่  เลยทำให้โครงการต่างๆที่เจ้าอาวาสเดิมได้ทำไว้หยุดชะงักลง ตัวอย่างเช่น พระจุฬามณีเจดีย์สถาน ซึ่งจะทำเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ตอนนี้สร้างเสร็จไปยังไม่ถึงครึ่งเลย แต่เท่าที่เห็นแม้จะยังไม่เสร็จ แค่เค้าโครงมองเห็นตอนนี้ยังสวยงาม หากเสร็จสมบูรณ์แล้วจะสวยงามขนาดไหน..ไม่อยากจะคิดเลย

Wat Pratom Buddha Ram has a lot of trees, it make us feel peaceful. It wonder that there are 44 images of buddha and had only 1 monk that stay at this temple. He bless us after we offer things for him. He told that in the past there are many Thai people and other country came to this temple. After old monk pass away all of people never come again. So many project that old monk create such as new temple cannot complete.

 44 images of buddha

 44 images of buddha

บริเวณรอบๆวัดแห่งนี้ยังมีพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องกษัตริย์ในชุด ต่างๆ สวยงามมากในสายตาคนธรรมดาๆอย่างเรา สถานที่เงียบ สงบ เหมาะกับผู้ที่ชอบปฏิบัติธรรมจริงๆ หากใครสนใจวััดที่สงบ ร่มรื่นแล้วละก็ วัดป่าปฐมพุทธาราม ต้องเป็นหนึ่งในสถานที่ในดวงใจแน่ๆ..หากท่านใดอยากมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ จากในตัวเมือง ทางไปแม่สาย สังเกตุป้ายทางซ้ายมือก่อนถึงมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ป้ายชื่อวัดป่าปฐมพุทธาราม ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจากในตัวเมือง..อย่าลืมเตรียมใจไว้ให้มั่นด้วยนะ คะ เส้นทางบุญมักจะวัดใจเสมอ...

This temple is stay between Muang, Chiang Rai and Mae Sai, Chiang Rai. Look for the sign of "Wat Pa Pratom Buddha Ram" on the left before Mae Fah Luang University. Good Luck for traveling...... :D

 

เขียนโดย ปัจจัตตัง